การพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐให้คนพิการสามารถเข้าถึงได้เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของ มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ เวอร์ชัน 3.0 ซึ่งมุ่งเน้นให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการเข้าถึงข้อมูลและบริการดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการที่อาจเผชิญกับข้อจำกัดทางร่างกายหรือการใช้งานเทคโนโลยี. แนวทางนี้อ้างอิงจาก Web Content Accessibility Guidelines (WCAG) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวปฏิบัติในการออกแบบเว็บไซต์ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานทุกกลุ่ม. บทความนี้จะอธิบายแนวทางสำคัญสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐที่รองรับคนพิการอย่างละเอียด.

Web Content Accessibility Guidelines (WCAG) กำหนดหลักการสำคัญ 4 ประการที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนพิการ:
• Perceivable (รับรู้ได้): เนื้อหาและองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์ต้องสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส เช่น การใช้ข้อความแทนรูปภาพ (Alt Text) หรือคำบรรยายเสียงสำหรับวิดีโอ.
• Operable (ใช้งานได้): ส่วนประกอบต่างๆ ของเว็บไซต์ เช่น เมนูหรือปุ่ม ต้องสามารถใช้งานได้โดยไม่จำกัดเฉพาะเมาส์ เช่น การใช้คีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์ช่วยเหลือ.
• Understandable (เข้าใจได้): เว็บไซต์ต้องออกแบบให้ใช้งานง่าย มีคำแนะนำที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ซับซ้อน.
• Robust (รองรับได้): เว็บไซต์ต้องสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือ เช่น โปรแกรมอ่านหน้าจอ และรองรับเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์ที่หลากหลาย.
ผู้พิการทางสายตาเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีช่วยเหลือ เช่น โปรแกรมอ่านหน้าจอ (Screen Reader). ดังนั้น การออกแบบเว็บไซต์ควรคำนึงถึง:
• Alt Text สำหรับรูปภาพ: ทุกภาพบนเว็บไซต์ควรมีคำอธิบายข้อความแทนรูปภาพ เพื่อให้โปรแกรมอ่านหน้าจอสามารถถ่ายทอดข้อมูลไปยังผู้ใช้งานได้.
• โครงสร้าง HTML ที่เหมาะสม: การใช้หัวข้อ (Heading Tags) อย่างถูกต้องช่วยให้โปรแกรมช่วยเหลือสามารถนำทางผู้ใช้งานไปยังส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น.
• ความเปรียบต่างของสี (Contrast): เนื้อหาและพื้นหลังควรมีความแตกต่างของสีที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีสายตาเลือนรางสามารถอ่านข้อมูลได้.
สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน เว็บไซต์ควรมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลมัลติมีเดีย เช่น:
• คำบรรยายวิดีโอ (Captions): วิดีโอทุกคลิปควรมีคำบรรยายเสียงเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจเนื้อหา.
• สคริปต์ข้อความ: หากมีเสียงบรรยาย ควรจัดทำสคริปต์ข้อความประกอบเพื่อให้ผู้ใช้งานอ่านแทนการฟัง.
• ภาษามือในวิดีโอ: ในกรณีที่เนื้อหาสำคัญ ควรเพิ่มล่ามภาษามือในวิดีโอเพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจ.
ผู้พิการทางกายภาพบางคนอาจไม่สามารถใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดปกติได้ ดังนั้น เว็บไซต์ควรรองรับ:
• การนำทางด้วยคีย์บอร์ด: ทุกฟังก์ชันบนเว็บไซต์ต้องสามารถใช้งานผ่านคีย์บอร์ด เช่น การกด Tab เพื่อเลื่อนเมนู.
• ปุ่มขนาดใหญ่และพื้นที่คลิกกว้าง: ปุ่มและลิงก์ควรมีขนาดใหญ่พอที่จะคลิกหรือแตะได้ง่าย.
• รองรับอุปกรณ์ช่วยเหลือ: เว็บไซต์ควรรองรับอุปกรณ์เสริม เช่น สวิตช์ควบคุม หรือระบบติดตามสายตา.
สำหรับผู้พิการด้านความเข้าใจ เช่น ผู้ที่มีปัญหาด้านสมาธิหรือความจำ เว็บไซต์ควร:
• ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา.
• หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ซับซ้อนหรือยาวเกินไป โดยแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนย่อยๆ พร้อมหัวข้อกำกับ.
• เพิ่มฟังก์ชันช่วยเหลือ เช่น ระบบแนะนำวิธีใช้งาน หรือไฮไลต์เนื้อหาสำคัญ.
หลังจากพัฒนาเว็บไซต์ ควรมีขั้นตอนตรวจสอบเพื่อประเมินว่าเว็บไซต์รองรับคนพิการอย่างแท้จริง:
• ใช้เครื่องมือทดสอบ Web Accessibility เช่น WAVE หรือ TAW เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด.
• เชิญกลุ่มตัวอย่างคนพิการมาทดลองใช้งานจริง เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ.
มาตรฐาน WCAG แบ่งระดับความสำเร็จในการเข้าถึงเป็น 3 ระดับ ได้แก่:
• Level A: ข้อกำหนดพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้คนพิการเข้าถึงข้อมูลได้.
• Level AA: ข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง.
• Level AAA: ข้อกำหนดขั้นสูงสุดสำหรับประสบการณ์ที่ดีที่สุด.
หน่วยงานภาครัฐควรมุ่งมั่นปฏิบัติตามระดับ AA เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่.
องค์กร World Wide Web Consortium (W3C) ได้จัดทำเอกสารแนวปฏิบัติ WCAG ซึ่งเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ทั่วโลก. ประเทศไทยเองก็ได้นำมาตรฐานนี้มาประยุกต์ใช้ในบริบทของประเทศ ผ่านคู่มือ Thai Web Content Accessibility Guideline (TWCAG).
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (dep.go.th) ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน WCAG ระดับ AA ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลสำหรับคนพิการในประเทศไทย และได้รับรางวัลด้าน Web Accessibility.
แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสให้คนพิการเข้าถึงบริการออนไลน์ แต่ยังส่งเสริมแนวคิด “Digital Inclusion” หรือ “สังคมดิจิทัลร่วมกัน” ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม.
แนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐให้คนพิการเข้าถึงได้ตามมาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัล แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและบริการสำหรับทุกคนในสังคมอย่างเท่าเทียม. หน่วยงานภาครัฐควรมุ่งมั่นดำเนินตามแนวทางนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนทุกกลุ่ม.
ไม่พบเอกสารแนบสำหรับโพสต์นี้
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)...
มาตรฐานสํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ว่าด้วยมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ด้านความหมายข้อมูล เรื่อง...
มาตรฐานสํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ว่าด้วยมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ด้านความหมายข้อมูล เรื่อง...
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการบริหารจัดการ...
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการบริหารจัดการ...
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ ด้วยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)...
ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ มาตรฐานสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ด้านการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลและกระบวนการทางดิจิทัลภาครัฐ 2...
เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน มั่นคงปลอดภัย และไม่ถูกละเมิดความเป็นส่วนบุคคล รวมทั้งสามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน บูรณาการ...
เพื่อกำหนดนโยบายข้อมูลหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลต่างๆ ภายในหน่วยงาน...
กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำคำอธิบาย ชุดข้อมูลดิจิทัลของภาครัฐและบัญชีข้อมูลให้มีความถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน ดังนั้น...
เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และสำหรับบริการภาครัฐ ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย
ตามที่ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 เรื่อง...