Dga Key

10 เกณฑ์ปฏิบัติในการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐตามมาตรฐานเว็บรัฐ 3.0

15 / พฤษภาคม / 2568 61 ครั้ง

มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ เวอร์ชัน 3.0 ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) เพื่อยกระดับเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้มีคุณภาพสูงสุด ทั้งในด้านการให้บริการประชาชน ความโปร่งใส การเข้าถึงสำหรับทุกคน รวมถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์. มาตรฐานนี้กำหนด 10 เกณฑ์ปฏิบัติสำคัญ ที่หน่วยงานภาครัฐควรนำไปใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

Default 2

Info At 003

1. การตั้งชื่อเว็บไซต์ภาครัฐ

ชื่อเว็บไซต์ต้องสะท้อนถึงตัวตนของหน่วยงาน, สื่อถึงภารกิจที่ชัดเจน, และง่ายต่อการจดจำ. การใช้ชื่อโดเมนที่ลงท้ายด้วย “.go.th” เป็นมาตรฐานสำหรับเว็บไซต์ภาครัฐในประเทศไทย ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและแสดงถึงความเป็นทางการ. ชื่อโดเมนควรมีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และสะท้อนถึงชื่อหรือหน้าที่ของหน่วยงาน เช่น การใช้คำย่อหรือคำที่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักขององค์กร. หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อที่คลุมเครือหรือซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น. ต้องตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมของชื่อก่อนใช้งาน.

 

2. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับหน่วยงาน

เว็บไซต์ต้องแสดงข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ประวัติองค์กร วิสัยทัศน์ พันธกิจ โครงสร้างองค์กร และช่องทางติดต่อ เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานได้อย่างชัดเจน. ข้อมูลพื้นฐานควรรวมถึงประวัติความเป็นมาขององค์กร, วิสัยทัศน์และพันธกิจ, โครงสร้างองค์กร (พร้อมรายชื่อผู้บริหาร), และช่องทางติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล แผนที่สำนักงาน และเวลาทำการ. ข้อมูลเหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและทำให้ประชาชนทราบถึงบทบาทของหน่วยงาน รวมถึงสามารถติดต่อได้เมื่อมีข้อสงสัยหรือร้องเรียน.

 

3. ข้อมูลเปิดภาครัฐ

ข้อมูลเปิด (Open Data) เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของมาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 โดยเว็บไซต์ต้องเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น งบประมาณ ผลการดำเนินงาน และเอกสารสำคัญ เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ. ข้อมูลควรเผยแพร่ในรูปแบบที่ประชาชนสามารถนำไปใช้งานต่อได้ เช่น ไฟล์ CSV, Excel หรือ PDF เพื่อรองรับการวิเคราะห์และนำไปใช้ประโยชน์. ตัวอย่างข้อมูลเปิด ได้แก่ งบประมาณรายปี, รายงานผลการดำเนินงาน, เอกสารประกอบโครงการต่างๆ, และข้อมูลเชิงสถิติที่เกี่ยวข้องกับบริการ.

 

4. การให้บริการของหน่วยงาน

เว็บไซต์ต้องมีระบบบริการออนไลน์ที่ครอบคลุม เช่น การยื่นคำร้อง การตรวจสอบสถานะคำขอ หรือการดาวน์โหลดเอกสาร. บริการเหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนการติดต่อราชการและเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน. ระบบบริการออนไลน์ควรใช้งานง่าย มีคำแนะนำชัดเจน และรองรับทุกกลุ่มผู้ใช้งาน.ตัวอย่างบริการ ได้แก่ ระบบลงทะเบียนออนไลน์, ระบบติดตามผลคำร้อง, และการชำระค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางออนไลน์.

 

5. การมีส่วนร่วมของประชาชน

มาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แบบสำรวจความคิดเห็นหรือระบบร้องเรียนออนไลน์. เครื่องมือสำหรับการมีส่วนร่วม ได้แก่ แบบฟอร์มร้องเรียนหรือเสนอแนะความคิดเห็น และระบบโหวตหรือลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆ. การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเพิ่มความโปร่งใสและสร้างความไว้วางใจต่อหน่วยงานภาครัฐ.


6. คุณลักษณะที่ควรมี

เว็บไซต์ภาครัฐต้องออกแบบให้ใช้งานง่าย มีโครงสร้างข้อมูลที่ชัดเจน และรองรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม รวมถึงคนพิการ โดยใช้แนวทาง Web Content Accessibility Guidelines (WCAG). คุณลักษณะสำคัญ ได้แก่ ปุ่มปรับขนาดตัวอักษร, คำบรรยายสำหรับวิดีโอหรือภาพประกอบ, และโปรแกรมอ่านออกเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา. เว็บไซต์ควรผ่านการประเมินด้าน Web Accessibility อย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้าน Accessibility ตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ.


7. ความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์

เว็บไซต์ภาครัฐต้องมีมาตรการป้องกันภัยไซเบอร์ เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและระบบตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลราชการ. ใช้ HTTPS ในทุกหน้าเว็บเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล. มีระบบสำรองข้อมูล (Backup) เพื่อป้องกันกรณีฉุกเฉิน. หน่วยงานควรมีทีมเฝ้าระวังด้านไซเบอร์เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์.

 

8. การประกาศนโยบาย

เว็บไซต์ต้องแสดงนโยบายที่เกี่ยวข้อง เช่น นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายรักษาความมั่นคงปลอดภัย และเงื่อนไขการใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้งาน. นโยบายควรครอบคลุมเรื่องสำคัญ เช่น วิธีจัดเก็บข้อมูล วิธีใช้ข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้งาน. นโยบายเหล่านี้ช่วยลดข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน.


9. การออกแบบเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่

มาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 เน้นให้เว็บไซต์สามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ เช่น Responsive Design, AI, และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ. ตัวอย่างเทคโนโลยีใหม่ ได้แก่ AI ในระบบตอบคำถามอัตโนมัติ (Chatbot) หรือระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Cloud Computing ที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็ว


10. การประเมินผลและปรับปรุง

มาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 กำหนดให้มีการประเมินผลเว็บไซต์เป็นระยะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพและแก้ไขปัญหาที่พบจากผู้ใช้งาน เช่น การสำรวจความคิดเห็นหรือวิเคราะห์สถิติผู้เข้าชม. หน่วยงานควรจัดทำรายงานผลการประเมินเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ พร้อมทั้งวางแผนปรับปรุงต่อเนื่อง. การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics จะช่วยติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานและระบุจุดที่ต้องแก้ไขได้อย่างแม่นยำ.

 

บทสรุป

10 เกณฑ์ปฏิบัติในการพัฒนาเว็บไซต์ภาครัฐตามมาตรฐานเว็บรัฐ 3.0 เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ภาครัฐให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล โดยเน้นความโปร่งใส ความมั่นคงปลอดภัย และการเข้าถึงสำหรับทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐควรนำเกณฑ์เหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานราชการผ่านช่องทางออนไลน์.

ไม่มีไฟล์แนบ

ไม่พบเอกสารแนบสำหรับโพสต์นี้

DGA News

ข่าวใหม่

Digital Government Development Plan